วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561
ราคาที่ต้องจ่าย - Extra Bad End - ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว Fanfic Guardian #เจิ้นหุน #镇魂
ราคาที่ต้องจ่าย - Extra Bad End - ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
//คำเตือนตัวโตๆ Extra Bad End นะคะ Extra เพราะฉะนั้นหน่วงมาก เศร้ามาก และจบไม่ดีจริงๆ (ในความคิดเรานะ 555) ถ้าคิดว่ารับไม่ไหวก็ไม่เป็นไรน้า ไม่ต้องอ่านก็ได้นะคะถ้าไม่ถนัดแนวนี้จริงๆ เอาพล็อตมาจากคอมเมนต์ของคุณยูในฟิกที่แล้วอีกที เพราะฉะนั้นมันจะจบไม่เหมือนกับที่เคยเขียนเอาไว้นะคะ ก็เลยตั้งชื่อใหม่พ่วงไปจะได้ไม่สับสน
//ได้แรงบันดาลใจมาจากฟิค Fan-fiction Guardian #เจิ้นหุน #镇魂 คลังกาวของ yuhankung ของคุณ YuHankunGdePalezmoi ตอน ราคาที่ต้องจ่าย นะคะ แล้วก็เอาพล็อตมาจากคอมเมนต์ของเจ้าของพล็อตอีกที
ลิ้งค์ต้นทาง (พล็อตเริ่มต้น)
https://www.wattpad.com/615993978-fan-fiction-guardian-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E9%95%87%E9%AD%82-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87
//ได้รับอนุญาติจากเจ้าของฟิกแล้วนะคะ ขอบคุณคุณYuHankunGdePalezmoi มา ณที่นี้ด้วยค่ะ ^O^
//พร้อมรับกระสุนจากทุกทิศทาง ตั้งป้อม
-------------------------------------------------------
"เหล่าไป๋คะ รู้สึกยังไงกับรางวัลนักแสดงนำชายที่ได้รับบ้างคะ"
"คิดยังไงที่บทบาทที่ได้ราวัลในครั้งนี้ครับ"
"ในอนาคตคุณอยากได้รับบทแบบไหนอีกคะ"
สารพัดสารพันคำถามพร้อมกับแสงแฟลชแสบตาซึ่งมาพร้อมกับเสียงกดชัตเตอร์รัวเร็วไม่ได้ทำให้ร่างที่ยืนนิ่งให้ถ่ายรูปของคนถูกถามสนใจมากนัก มีเพียงนัยน์ตาคมที่เย็นชาขึ้นทุกวันอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะไร้ความรู้สึกไปมากกว่าเมื่อวานที่กราดมองรอบตัวโดยที่ไม่มีใครอ่านความรู้สึกในแววตาคู่นั้นออกแม้แต่น้อย มือหนาที่กำแท่นรางวัลนักแสดงนำชายยังคงวางไว้ข้างตัวราวกับไม่สนใจมันมากนัก
"ผมภูมิใจที่ได้รางวัลนี้ บทที่ผมได้รับท้าทายความสามารถมาก ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมกับงานในครั้งนี้ ขอบคุณมากครับ"
คำตอบสั้นและห้วนอย่างที่เหล่านักข่าวสายบันเทิงเริ่มคุ้นชินไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุดความตั้งใจที่หาข่าวแต่อย่างใด พายุคำถามดังระงมอย่างที่คนที่ได้ยินอยากจะถามเหลือเกินว่าใครจะไปฟังรู้เรื่อง ในขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจพลางคิดว่าจะหลบฉากออกไปยังไงดี เขาก็ได้ยินประโยคหนึ่งที่ทำให้ร่างของเขาชาจนขยับไม่ได้ในเสี้ยววินาที
"คุณคิดว่าคุณจูอี้หลงอยากจะพูดอะไรกับคุณถ้าเขาอยู่ที่นี่คะ"
นัยน์ตาคู่คมที่ไร้อารมณ์อยู่จนถึงเมื่อครู่ตวัดขวับไปทางต้นเสียงที่ไม่ได้ดังมาก แต่ก็ไม่ได้เบาจนคนที่อยู่ข้างๆไม่ได้ยิน นักข่าวหลายคนเงียบลงทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น ก่อนจะหันไปมองแววตาของผู้ถูกถามที่บัดนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวลึกล้ำทันทีอยู่ในนั้น แม้ใบหน้าของเขาจะยังคงเรียบเฉย แต่เสียงรอบข้างที่เบาลงเรื่อยๆจนเงียบสนิทในที่สุดบ่งบอกได้ดีว่าคนตรงหน้ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน ผู้คนที่ยืนรายล้อมวงสัมภาษณ์ใจหายวาบเมื่อได้ยินเสียงเรียบสนิทที่กดต่ำอยู่ในลำคอจากชายหนุ่มผู้ถูกถามคนนั้น
"เขาจะพูดอะไรกับผมได้.......... คุณลืมรึไงว่าเขาตายไปแล้ว"
คำตอบในคราวนี้สะกดการเคลื่อนไหวแทบทุกอย่างในพื้นที่โซนสัมภาษณ์จนหมดสิ้น ความกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจากร่างสูง ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นไม่ได้ราบเรียบอย่างที่เคยอีกแล้ว แต่มันกลับเต็มไปด้วยความโกรธที่่รุนแรงอย่างที่ผู้คนที่อยู่รอบๆถอยหลังออกไปโดยอัติโนมัติ ความเงียบสงัดที่โรยตัวลงอย่างกะทันหันกำลังจะทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังหายใจไม่ออก
เพียงครู่เดียวที่เหมือนกับยาวนานเป็นชั่วโมงสำหรับเหล่านักข่าวที่หยุดนิ่ง ร่างสูงที่สงบสติอารมณ์ของคนกลับมาได้ก็หันหลังให้กับวงสัมภาษณ์โดยไม่หันกลับมามองใครอีกเป็นครั้งที่สอง
พวกเขาคงไม่ได้ข่าวอะไรในวันนี้อีกแล้ว
ใช่ เขาคนนั้นไม่อยู่แล้ว
เขาหายไปแล้ว หายไปตลอดกาล
หายไปโดยไม่มีวันกลับมาได้อีก
ไม่เหลือแม้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแม้กระทั่งคำหวานที่อ่อนโยน
ไม่มีแม้กระทั่งคำลา
ร่างสูงของไป๋อวี่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาของห้องสูทส่วนตัวในอพารท์เมนต์ใจกลางเมือง มือหนารินเหล้าราคาแพงลงแก้วใสก่อนจะสาดลงลำคออย่างรวดเร็วอย่างคุ้นเคยโดยไม่แม้แต่จะสนใจละเลียดรสแม้แต่น้อย ใบหน้านิ่งราวกับรูปสลักนั้นเรียบเฉยจนแทบจะเหมือนรูปปั้นที่ไร้ชีวิต นัยน์ตาคมที่มองตรงไปข้างหน้าแท้จริงแล้วล่องลอยไม่มีจุดหมายใดๆ แม้แต่แท่นรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอันทรงเกียรติจากเวทีระดับประเทศยังคงวางตะแคงอยู่ข้างกายคล้ายไม่มีความหมายใดๆกับเขา
ใช่ มันไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว
ไม่มีแล้ว ไม่มีอีกแล้ว
ไม่มีอะไรเหลือแล้วสำหรับเขา
เพราะทุกอย่างของเขาหายไปตั้งแต่วันนั้น
วันที่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปโดยไร้ซึ่งหนทางแก้ไข
ไป๋อวี่เปลี่ยนไปมากตั้งแต่วันนั้น เขาที่เคยเป็นนักแสดงตัวเล็กๆที่ก้าวเข้ามาสู่วงการมายาเมื่อหลายปีก่อน กลายเป็นนักแสดงนำชายแถวหน้าของแผ่นดินใหญ่ในเวลาไม่นานเท่ากับคนอื่นอย่างน่าอิจฉา มีแต่คนที่รู้จักตัวเขาดีเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งนี้แลกมาด้วยอะไร ไป๋อวี่โหมงานหนักอย่างบ้าคลั่งราวกับเครื่องจักรที่ไม่ยอมหยุดทำงาน งานแสดงและงานอื่นๆที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ร่างของเขาแทบจะไม่มีเวลาพักใดๆ และผลของมันก็นอนนิ่งอยู่ข้างตัวเขาอย่างที่คนรอบข้างภูมิใจ เพียงแค่ความจริงว่าตัวตนที่เปลี่ยนไปของไป๋อวี่ที่เป็นผู้สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้เท่านั้น มันช่างน่าเศร้าและโหดร้าย เขายังคงรู้สึกว่างเปล่า ความรู้สึกของเขาเย็นชาและตายด้าน หัวใจเขาเหมือนถูกคว้านออกไปทั้งที่มันยังคงทำงาน เหลือเพียงเครื่องจักรที่ไร้ซึ่งความรู้สึก โพรงกลวงว่างโหวงในหัวใจและวิญญาณของเขา ต่อให้จะทำอะไรก็ไม่มีทางถมมันจนเต็ม
มีเพียงเวลาที่เขาทำงานเท่านั้น ที่วิญญาณของเขาเหมือนจะได้รับการเยียวยา
เหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศคุ้นเคย
เหมือนเวลาที่เขายังคงมีใครคนนั้นอยู่เคียงข้าง
เหมือนเวลาที่เขาเฝ้ามองรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคำพูดที่อบอุ่นอ่อนโยน
ราวกับเขาจะสามารถเข้าใกล้ตัวตนที่เคยมีใครคนนั้นในวันวานได้แม้เพียงเศษเสี้ยว
แม้เขาจะรู้ดี ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
ตั้งแต่วันนั้น
วันที่โชคชะตาและฟ้าเบื้องบนกระชาก รักแรก และรักเดียว ไปจากเขาทั้งเป็น!
----------------------------------------------
หิมะกำลังโปรยปรายลงมา
เป็นเรื่องประหลาดไปเสียแล้วสำหรับเมืองใหญ่ในแผ่นดินนี้ที่จะมีหิมะ แต่วันนี้เกล็ดน้ำแข็งใสสะอาดกำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าที่มืดครื้มราวกับท้องฟ้ากำลังร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า
หิมะสีขาวที่สะอาดบริสุทธฺ์ ไร้สีสันใดๆแต่งแต้ม
เหมือนกับใครคนนั้นที่เดินจากเขาไปพร้อมกับรอยยิ้มและคราบน้ำตา
ทั้งบริสุทธิ์ และขาวสะอาดไร้มลทินใดๆ
และเป็นเขาเองที่พังทลายทุกอย่างลงจนเหลือเพียงเศษซาก
เป็นเขาเองที่แปดเปื้อนหัวใจบริสุทธ์ดวงนั้นด้วยความเห็นแก่ตัวของเขา
เป็นเขาเองที่ทำร้ายคนที่เขารักมากคนนั้น ทำให้หัวใจขาวสะอาดดวงนั้นเจ็บปวด
ไป๋อวี่กระชับเสื้อโค้ตเข้าหาตัวทั้งที่น้ำตาเอ่อคลอ ในหัวของเขามีเพียงภาพรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเกอ เกอที่เขารักสุดหัวใจ
เกอจงอย่ายกโทษให้เขา
เพราะมันคือบทลงโทษ เขาต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
เขาจะต้องแบกรับความทรมาณในอกที่ทำให้ทั้งร่างกายและวิญญาณของเขารวดร้าว
เพราะมันคือผลของสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไป เขาทำลายทุกอย่างด้วยสองมือของเขา
เพราะมันคือ ราคา ที่เขาต้องจ่ายให้หัวใจที่แสนสำคัญดวงนั้นแตกสลายเป็นเศษซาก
เกอ เกอของผม
ไป๋อวี่ทำได้แค่ร่ำไห้เงียบๆพร้อมกับท้องฟ้ามืดครื้ม
เพียงแต่ โชคชะตา เห็นว่ามันยังไม่ใช่บทลงโทษที่สาสมกับเขา
โครม!
เสียงปะทะของวัตถุบางอย่างดังลั่นแหวกอากาศที่หนาวเหน็บทำให้ไป๋อวี่สะบัดร่างหันไปทางต้นเสียง นัยน์ตาคมเบิกกว้าง หัวใจของเขาเหมือนกับหยุกทำงานไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าทิศทางของต้นเสียงเป็นทางเดียวกันกับที่ คนรัก ของเขาเดินจากไปเหมือนกับตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต ก่อนอกก้อนเนื้อในอกนั่นจะเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นตระหนก สองขาของเขาวิ่งออกไปตามสัญชาติญาณอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสภาพรอบข้างแม้แต่น้อย
เกอ เกอของผม เกอ!
ภาพของรถบรรทุกขนาดเล็กซึ่งหักหัวเข้าชนราวข้างทางอย่างแรงปรากฎตรงหน้าเขา เหล็กหุ้มกระโปรงด้านหน้านั้นพังยับเยินจนผิดรูป ร่างของคนขับหลังพวงมาลัยที่มีคนค่อยๆประคองออกมาอาบย้อมไปด้วยเลือดจากบาดแผลที่ศรีษะ อาการบาดเจ็บหนักทำให้ร่างนั้นหายใจรวยรินลงทุกที
เลือดสีสดปาดขวางลงบนกระจกหน้าที่แตกร้าว เลยมาจนถึงด้านข้างตัดกับสีอ่อนของรถอย่างน่าสะพรึงกลัว รอยสาดกระเซ็นสีแดงก่ำบนหิมะเป็นวงกว้างบ่งบอกถึงความรุนแรงของการปะทะ นัยน์ตาคมของไป๋อวี่มองตามการกระจัดบนพื้นหิมะสีขาวสะอาดก่อนจะเห็นร่างของใครคนหนึ่งที่แสนคุ้นเคยอยู่อีกฟาก
ร่างของคนๆนั้นที่คุ้นตาสวมเสื้อผ้าสีอ่อนเรียบง่ายราคาแพง แต่บัดนี้สีสันของมันถูกอาบย้อมไปด้วยสีแดงของโลหิตจากบาดแผลฉกรรจ์บนร่าง กองเลือดสีสดปริมาณมากเกินกว่าที่คนๆนึงจะมีในตัวได้รอบกายที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงทำให้คนมองรู้สึกเหมือนถูกกระชากหัวใจออกจากอก
ราวกับเลือดนั่นกำลังย้อมหิมะให้กลายเป็นทะเล
เกอ เกอของผม!
ข้างๆร่างที่นอนนิ่งสนิทท่ามกลางกองเลือดที่แสนน่ากลัว มีหญิงสาวสองคนกำลังพยายามสุดกำลังเพื่อกระชากเอาสายใยสุดท้ายของชีวิตของชายหนุ่มที่พวกเธอชื่นชอบกลับมาจากเงื้อมมือของมัจจุราชที่โหดเหี้ยม จากท่าทางของพวกเธอทั้งสองทำให้คนรอบข้างรู้ได้ในทันทีว่าพวกเธอถูกฝึกมาอย่างดีเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินตรงหน้า แต่ทว่าใบหน้าของพวกเธอกลับแดงก่ำ และอาบไปด้วยน้ำตาเป็นสายเพราะความสิ้นหวังที่เด่นชัดขึ้นทุกที
"ฟื้นสิคะ หลงเกอ ฟื้นสิ อย่าตายนะ" หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนออกมาทั้งน้ำตาทั้งที่ยังคงพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยร่างที่นอนนิ่งตรงหน้า ความอบอุ่นพื้นฐานของมนุษย์ที่หายไปอย่างรวดเร็วทำให้เธอตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับเสียสติ ร่างของชายหนุ่มที่บาดเจ็บยังคงไร้การตอบสนองใดๆที่พวกเธออยากเห็น มีเพียงความเงียบที่แสนจะโหดร้ายอยู่ตรงหน้าพวกเธอเท่านั้น
หญิงสาวอีกคนที่พยายามสำรวจบาดแผลและห้ามเลือดที่จุดอื่นสัมผัสชีพจรของชายหนุ่มด้วยมือที่สั่นเทา ผิวเนื้อที่เย็นเยียบทำให้เธอสะอื้นไห้อย่างทรมาน ด้วยวิชาชีพของพวกเธอ เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ตรงหน้านั้นเลวร้ายเพียงใด และแน่นอนว่าเพื่อนของเธอที่กำลังร้องตะโกนอยู่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจเช่นกัน
ไม่มีหวังเลย
ลมหายใจของเขา ไม่มีแล้ว
"เสียเลือดเยอะเกินไป ต่อให้รถพยาบาลมาถึงตอนนี้ก็ทนไม่ไหว.........เขาไม่หายใจแล้ว"
ความจริงจากปากของหญิงสาวที่กำลังพยายามตั้งสติเพื่อควบคุมความเจ็บปวดนั้นราวกับคำสั่งประหารในสำนึกของไป๋อวี่ ขายาวพาร่างของเขามาหยุดตรงหน้าร่างของคนรักที่นอนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในห้วงนิทราที่ไร้ซึ่งความเจ็บปวด หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันอย่างชั่งใจก่อนที่คนที่นิ่งกว่าจะผละออกไปเพื่อดูอาการของคนเจ็บอีกรายหนึ่ง ในขณะที่อีกคนที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นจ้องมองภาพตรงหน้าที่เลือนรางทั้งน้ำตา เธอผละออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
ไป๋อวี่ทรุดลงนั่งคุกเข่าข้างร่างของคนที่เขารักสุดหัวใจอย่างไร้เรียวแรง นัยน์ตาคมคู่นั้นยังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกกับภาพที่เห็นตรงหน้าราวกับยังไม่รับรู้ความจริงที่กำลังเกิดขึ้น มือของเขาสั่น และสั่นมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเอื้อมออกไปที่ใบหน้าขาวหล่อเหลาราวเทพบุตร แม้จะมีรอยเลือดสีแดงที่แต่มแต้งบนใบหน้าก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของคนๆนี้ลดทอนลงไป แต่ผิวที่เคยผ่องอมชมพูบัดนี้ซีดขาวจนเหมือนจะกลืนไปกับสีของหิมะรอบกาย
ในวินาทีที่นิ้วของไป๋อวี่สัมผัสลงบนผิวเนื้อของอีกฝ่าย ความเป็นจริงก็ร่วงถล่มลงในหัวใจเขาอย่างรุนแรง
มันช่างเย็นเยียบ ไม่เหลือความอบอุ่นใดๆอย่างที่เขาเคยได้สัมผัส
ไม่ ไม่จริง ไม่จริง!
ความเป็นจริงที่รับรู้และจับจ้องอยู่ทำให้หญิงสาวที่นั่งมองเงียบๆเบือนหน้าหนีภาพที่แสนทรมานและโหดร้ายตรงหน้า เธอปิดริมฝีปากของตนเองแน่น กลั้นก้อนสะอื้นจนตัวโยน แทบไม่ต่างกับคนรอบๆที่เห็นเหตุการณ์ ไม่มีใครที่ทนมองภาพตรงหน้าได้
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดแบบนั้น
ในจังหวะที่ใครบางคนกำลังจะยกมือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพอย่างไร้มารยาท หญิงสาวหลายๆคนที่ยืนรายล้อมเหตุการณ์สะเทือนใจสะบัดหลังมือกระแทกผู้คนใจทรามอย่างโกรธเกรี้ยว นัยน์ตาที่แดงก่ำ และฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตาของพวกเธอนั้นเกรี้ยวกราด คลุ้มคลั่ง และเจ็บแค้นราวกับถูกทั้งโลกทรยศ พวกเธอไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ แต่เพียงสายตากล่าวโทษอย่างร้ายแรงก็เพียงพอที่จะทำให้คนเหล่านั้นถอยหลบฉากไปอย่างละอายและหวาดกลัว หญิงสาวเหล่านั้นค่อยๆกระจายตัวหันหลังให้ภาพที่แสนจะทารุณตรงนั้น พวกหล่อนโอบล้อมพื้นที่เล็กๆตรงนั้นไว้เพื่อปกป้องวินาทีนี้ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ปกป้องคนที่พวกเธอรักและชื่นชอบมาตลอดในยามที่พวกเขาอ่อนแอที่สุด
ไป๋อวี่ไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ใดๆรอบกายกำลังพยายามลูบใบหน้าที่เหมือนกับหลับสนิทนั่นอย่างลนลาน ขอเพียงความอบอุ่น หรือสัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้าเขายังมีชีวิต ขอเพียงแค่นั้นเท่านั้น
เกอของเขามักอบอุ่น อ่อนโยน เหมือนกับแสงอาทิตย์ในฤดูหนาว
แต่ตอนนี้ร่างของเกอกลับเย็นเยียบ หนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
ทะเลสีเลือดแดงฉานท่ามกลางหิมะสีขาวบริสุทธิ์
ภาพที่โหดเหี้ยม และทารุณ
เกอจะเจ็บปวดขนาดไหน เกอของเขาต้องทรมานขนาดไหน
ไม่จริง นี่ไม่ใช่เรื่องจริง มันต้องไม่ใช่ความจริง
นี่คือบทลงโทษของเขาอย่างนั้นหรือ
นี่คือ ราคา ที่พวกเขาต้องจ่ายอย่างนั้นหรือ
"เกอ"
คำเรียกหาที่คุ้นหูนั้นแสนจะบางเบา สั่นไหว และแหบพร่าราวกับมันไม่ใช่เสียงของเขา มันสิ้นหวังไร้เรี่ยวแรงทว่ายังคงดื้อรั้นเพื่อไขว่คว้าความหวังสุดท้ายเอาไว้ท่ามกลางความมืดมนที่ไร้ทางออก
"เกอ ตอบผมสิ"
เสียงของเขาดังขึ้นอีกนิด แต่ภาพตรงหน้าเขาเริ่มพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น ความเป็นจริงตรงหน้ากำลังทำให้เขาอยากจะหยุดลมหายใจของตัวเอง ในอกเหมือนกับถูกคว้านเอาความรู้สึกนึดคิดทั้งหมดออกไป แล้วสวมใส่ข้อเท็จจริงที่เขาไม่อยากยอมรับมัน
ตัวของเกอเย็นเยียบ หัวใจหยุดเต้น ทั้งร่างจมอยู่ในกองเลือดมหาศาล
มันคือความเป็นจริงที่เขาปฎิเสธมันไม่ได้
หายไปแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ไร้ซึ่งลมหายใจ ไร้ซึ่งรอยยิ้ม ไร้ซึ่งเสียงหัวเราะ
จากไปแล้ว
เกอของเขา.......ได้จากเขาไปแล้ว
"เกอ ไม่เอา..... เกอ....อย่า....อย่าไป"
เสียงของไป๋อวี่สั่นเครือและขาดห้วงเพราะแรงสะอื้นรุนแรง แม้จะพร่ำเอ่ยคำขอที่เต็มไปด้วยน้ำตาราวกับกำลังจะขาดใจ เกอของเขาก็ไม่อาจจะตื่นขึ้นเพื่อตอบรับเสียงของน้องน้อยที่เขารักมากมายจนหัวใจเจ็บปวดเจียนตายได้อีกแล้ว
เพราะเกอคนนั้นจากไปแล้ว จากไปโดยไม่มีวันหวนกลับมาอีก
เสียงรำพันของไป๋อวี่นั้นฟังเป็นคำไม่รู้เรื่องแล้ว มีเพียงเสียงครวญปนสะอื้นไห้ด้วยหัวใจที่แหลกสลายดังแจ่มชัด มือหนาของเขาค่อยๆประคองร่างไร้วิญญาณของคนที่เขารักเข้ามาในอ้อมกอด แม้จะรู้ดีว่าร่างของอีกฝ่ายไม่มีทางกลับมาอุ่นเหมือนกับแสงตะวันจางได้อีก เขาซบใบหน้าลงไปกับแก้มซีดขาวด้วยความรักใคร่ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินรวมกับรอยเปื้อนสีแดงก่ำ ราวกับเขากำลังร้องไห้จนน้ำตากลายเป็นสายเลือด
เกอ ผมขอโทษ ผมขอโทษ
เกอได้ยินผมไหม ผมขอโทษ
เพียงแค่เวลาไม่กี่นาทีที่ไปอวี่คิดถี่ถ้วนมาแล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งสองฝ่าย เขาเลือกที่จบทุกอย่างด้วยความเจ็บปวดสาหัสเพียงครั้งเดียวดีกว่าที่ทุกอย่างจะต้องพังครืนลงมาจนไปสู่จุดที่ไม่อาจคืนย้อนกลับมาได้
แต่สิ่งที่เขาประสบพบเจออยู่นี้ ความจริงที่เขากำลังเห็นและสัมผัสมันตรงหน้านั้นเกินกว่านั้น
มันคือผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด
ไปอวี่ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้
เกอของเขาควรก้าวเดินต่อไปอย่างผ่าเผย เป็นจูอี้หลง นักแสดงชายผู้เก่งกาจและมากไปด้วยฝีมือที่เหลือล้น เกอของเขาควรจะก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักแสดงอย่างรุ่งโรจน์ที่สุด โดยที่ไม่ต้องสนใจเขาอีก
แต่มันไม่มีวันเป็นไปได้อีกแล้ว
แม้เรื่องตรงหน้าจะเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เลวร้าย แต่ไป๋อวี่รู้ดี ว่าสาเหตุของทุกอย่างมาจากที่ไหน ใครกันที่เป็นคนผลักไสเกอของเขามาถึงจุดนี้ ใครกันที่เป็นคนเริ่มต้นเรื่องราวยุ่งเหยิงที่แสนหอมหวานและอันตรายจนหัวใจที่แสนสะอาดดวงนั้นต้องเจ็บร้าว
เป็นเขาเอง เขาเองที่ทำให้คนรักของเขาจากไป
นี่เป็นโทษทัณฑ์ที่สาสมสำหรับเขาแล้วใช่ไหม
กับความผิดมหันต์ที่ทำลายหัวใจที่แสนเข้มแข็ง อบอุ่น และอ่อนโยนดวงนั้น
เสียงร่ำไห้ไร้สิ้นซึ่งสติที่หลงเหลือนั้นไม่ได้ดังมากนัก มันเป็นเสียงร้องไม่เป็นภาษาจากความเจ็บปวดที่ทำให้เจ้าของร่างสั่นสะท้านโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก เสียงทุ้มสากที่มักจะเข้มแข็งแหบพร่า มีเพียงความทรมานและเสียงสะอื้นฮักราวกับกำลังขาดใจตายลงไปตรงนั้น
อ้อมแขนที่สั่นระริกนั่นรั้งร่างที่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีกแล้วกอดกระชับโยกไปมาเบาๆอย่างสิ้นหวัง ใบหน้าของคนที่กำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวดอาบไปด้วยน้ำตาสีเลือด เขาพรมจูบเบาๆซ้ำๆลงบนหน้าผากมนสีซีดอย่างโหยหาสุดใจ
เพียงแต่ความจริง แม้เขาจะโหยหาอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่มีทางได้พบอีกแล้ว
"เกอ"
เสียงเรียกนั้นเบามาก ลมหนาวที่พัดหวีดหวิวได้กลบมันไปจนหมด
"เกอ"
ไปอวี่ไล้ริมฝีปากของตนจากหน้าผาก ลงมาที่ขมับและข้างใบหูของร่างในอ้อมกอด เสียงกระซิบที่แสนแผ่วเบานั่นมีให้ร่างที่ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้วเพียงคนเดียวเท่านั้น
"ผม....รัก......เกอ...ที่สุดเลย เกอ เกอของผม"
ก่อนที่ไปอวี่จะประทับจูบสุดท้ายเบาๆอย่างอ่อนโยนที่สุดบนริมฝีปากอันเยียบเย็นของอีกฝ่าย
ราวกับกำลังจะฝังสลักสิ่งที่ยังเหลือเอาไว้ในหัวใจ ลึกลงไปในก้นบึ้งและส่วนที่ลึกที่สุกของวิญญาณดวงนี้ของเขา
ว่าเขามี รักแรก และ รักสุดท้าย คือเกอคนนี้คนเดียวเท่านั้น
---------------------------------------------------
หลังจากวันนั้น หิมะสีขาวยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุด ราวกับท้องฟ้ากำลังร่ำไห้
ไป๋อวี่จำเหตุการณ์หลังจากที่เขาร้องไห้จนสิ้นสติได้ไม่มากนัก เขาเพียงแค่กอดร่างของเกอเอาไว้แน่นที่สุด แน่นจนขนาดที่ว่าเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ร่างไร้วิญญาณของเกอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขา หมอและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแกะและพรากเอาร่างที่เย็นเยียบออกไปจากอกของเขาได้ ญาติพี่น้องของทั้งเขาและเกอทำได้เพียงนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำขอร้องให้ปล่อยร่างของคนสำคัญของเขา
นัยน์ตาคมคู่ของไป๋อวี่เปลี่ยนสีทันที เขากระชับอ้อมกอดที่เปื้อนไปด้วยเลือดสีคล้ำแน่นขึ้น แววตาของเขาดุร้ายราวกับสัตว์ป่าที่มีเพียงสัญชาติญาณเท่านั้น บรรยากาศรอบข้างเลวร้ายลงเมื่อไม่มีใครรู้ว่าควรจะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีเพียงร่างของหญิงสูงวัยผู้เป็นแม่ของร่างไร้ชีวิตที่จับจ้องภาพตรงหน้าด้วยความอาดูร
เธอยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบลง พลางก้าวเข้าหาร่างสูงที่ถอยกรูดราวด้วยหวาดกลัวอันตรายและการพลัดพรากที่เขาไม่เต็มใจ
"เสี่ยวไป๋ แม่เองนะ..........เสี่ยวไป๋.....รักเกอใช่ไหม"
คำถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนของเธอทำให้ไปอวี่ที่กำลังคลั่งไม่ได้สติหยุดขยับ ความหมายสั้นๆของมันทำให้เขาชะงัก สติที่ค่อยๆกลับมาตอบคำถามนั้นในใจทันทีที่ได้ยิน
ผมรักเกอ
แม้เขาไม่พูด แต่ดูเหมือนสตรีสูงวัยจะอ่านความรู้สึกที่ล้นเอ่อในแววตานั่นออก เธอค่อยๆเอื้อมมือไปหาใบหน้าของไป๋อวี่ที่เปื้อนเลือดของลูกชายเธอช้าๆ นิ้วเรียวสัมผัสผิวเนื้อนั้นถ่ายทอดความอบอุ่นบางเบาให้กับเด็กน้อยตรงหน้าอย่างอาทร
"ถ้ายังงั้น เสี่ยวไป๋ปล่อยเกอเถอะนะลูก แม่ขอร้อง นะ"
เวลาผ่านไปเพียงแค่ชั่วครู่ แต่มันเหมือนจะยาวนานมาก ไป๋อวี่ค่อยๆคลายอ้อมแขนของตนออกช้าๆ น้ำใสๆเอ่อคลอในดวงตากลิ้งร่วงหล่นเป็นสายโดยไร้ซึ่งเสียงใดๆ หญิงสาวจึงค่อยๆรั้งร่างที่กำลังเจ็บปวดของคนที่ยังมีชีวิตอยู่เข้ามากอดช้าๆ ไปอวี่ร้องไห้อย่างเงียบเชียบอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว ก่อนที่สุดท้าย เขาจะยอมปล่อยมือคู่นั้น
และนั่นคือวินาทีสุดท้ายที่เขาได้กอด รัก เพียงคนเดียวของเขา
และนั่นคือวันที่ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ น้ำตา และ วิญญาณ ของเขาถูกพรากไปจากเขาทั้งเป็น
----------------------------------------------------
ตั้งแต่วันนั้น ผู้ชายที่ชื่อ ไป๋อวี่ก็เปลี่ยนไป
แม้ภายนอกเขาคือนักแสดงชายมากฝีมือที่กำลังโด่งดังจนฉุดไม่อยู่ ภาพจำของเขาที่ติดตาผู้คนคือชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับราบเรียบราวกับถูกความเฉยชาฉาบทับ อากัปกิริยาขี้เล่นน่ารักที่เคยเป็นจุดเด่นประจำตัวแปรเปลี่ยนเป็นความสุภาพนอบน้อมพูดน้อย และเว้นระยะห่างกับคนรอบข้าง แม้ในเวลาทำงานเขายังคงคุยเล่นกับเพื่อนร่วมงานและให้ความตั้งใจและห่วงใยเหมือนปกติที่เคยกระทำมา แต่ทุกคนรอบกายเขาสามารถรับรู้ได้ว่าพวกเขาคงไม่อาจสัมผัสถึงตัวตนลึกๆของเขา ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่ ยิ่งเพื่อนสนิทในวงการหลายๆคนที่เข้าใจความเป็นมาของไป๋อวี่เป็นอย่างดีนั้น พวกเขาทำได้เพียงยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโดยไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่ายืนอยู่ข้างๆเขา
เพราะพวกเขารู้
หัวใจของไป๋อวี่ตายสนิทไปพร้อมกับ คนรัก ของเขาแล้วในวันนั้น
สิ่งที่เหลืออยู่ตรงหน้าพวกเขา คือร่างที่ไร้ความรู้สึกและจิตใจที่มีชื่อไป๋อวี่อยู่เท่านั้น
ยิ่งเวลาผ่านไป มรสุมหลายอย่างจากข่าวร้ายในวันวานหล่อหลอมให้ไป๋อวี่กลายเป็นคนที่แข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับจูอี้หลงด้วยแล้ว
เรื่องราวที่แสนโหดร้ายในวันนั้นไม่ได้รอดพ้นสายตาของสื่อไปแต่อย่างใด และแม้จะมีกลุ่มแฟนคลับที่ยืนกันท่าทุกคนที่จะเข้ามาทำร้ายคนที่พวกเธอรัก แต่ข่าวปากต่อปากก็เป็นเรื่องราวบนหน้าสื่อในที่สุด หลากหลายความเห็นที่โผล่ขึ้นมาบนโลกอินเตอร์เน็ต โทรทัศน์ วิทยุ ไม่เว้นแม่แต่สื่อสิ่งพิมพ์แตกออกเป็นหลายฝักฝ่าย ไป๋อวี่ที่ระหว่างนั้นยังอยู่ในช่วงพักงานเพราะสภาพร่างกายไม่พร้อมจึงต้องออกมาแถลงข่าวด่วนพร้อมกับครอบครัวของจูอี้หลงและญาติของตนทั้งหมด
เรื่องทั้งหมดที่ทำท่าจะบานปลายออกไปไม่ว่าคำตอบของไป๋อวี่จะเป็นอย่างไรหยุดลงอย่างไม่น่าเขื่อ เมื่อสตรีวัยกลางคนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาของชายหนุ่มผู้น่าสงสารที่ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวหรือตอบคำถามใดๆได้อีกยืนขึ้นเงียบๆ แล้วกล่าวขอคำขอโทษจากเหล่านักข่าวที่ถามคำถามที่เป็นการลบหลู่ศักดิ์ศรีของลูกชายของเธอทั้งน้ำตา น้ำเสียงของเธอไม่ได้กราดเกรี้ยว มันไร้อารมณ์ใดๆพอๆกับคำตอบของไป๋อวี่ เพียงแต่มันทรงอำนาจและชวนให้คนฟังขนหัวลุก การแถลงข่าววันนั้นจบลงในทันทีที่ทุกคนได้ยินคำขอโทษอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง โดยไป๋อวี่ประกาศชัดว่าจะไม่ขอตอบคำถามใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
แม้จะมีสื่อหลายกระแสที่ไม่พอใจและพยายามตีข่าว แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเมื่อเหล่าแฟนคลับและบรรดาเพื่อนร่วมวงการมองเห็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้ หนังสือเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อปฎิบัติจำนวนมากถูกส่งไปยังทางการราวกับจดหมายลูกโซ่ แฟนคลับของทั้งไป๋อวี่และจูอี้หลงครึ่งค่อนโลกพยายามใช้สื่อทุกๆหนทางเพื่อกดดันและกลบข่าวร้ายทุกอย่างลงไปด้วยทุกวิธีที่พวกเธอและเขาสามารถกระทำได้ เหล่าเพื่อนร่วมวงการเองก็พร้อมใจกันสัมภาษณ์ให้กำลังใจไปในทางเดียวกันทั้งหมดอย่างพร้อมเพรียง จนสุดท้ายกระแสด้านลบที่ต้านเอาไว้ไม่ไหวจึงเงียบลงไปในที่สุด
แม้หลังจากนั้นจะยังคงมีข่าวจิกกัดประปราย แต่ไป๋อวี่ที่เปลี่ยนไปมากไม่ได้สะทกสะท้านอะไรอีกกับสิ่งที่เขาต้องเจอ และด้วยฝีมือกับจุดยืนที่เขาพยายามไต่ขึ้นมาได้เรื่อยๆ ไป๋อวี่ก็มายืนอยู่ในจุดที่คนเหล่านี้เริ่มจะต้องเกรงใจเขาบ้างในที่สุด
ปัจจุบัน ไป๋อวี่ คือนักแสดงนำชายแถวหน้าผู้เก่งกาจของแผ่นดินใหญ่ มีแฟนคลับและคนรู้จักมากมาย ใบหน้าคมคายนั่นนิ่งสนิทเหมือนรูปปั้น ไร้รอยยิ้มกว้างเหมือนเมื่อก่อน มีเพียงแย้มยิ้มบางๆที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ กิริยาท่าทางของเขาแล้วสุภาพเรียบร้อย ทว่าภายในดิบเถื่อนและแข็งกร้าวรุนแรงจนน่าเกรงขาม นัยน์ตาคมคู่นั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งความรู้สึก แม้ยามที่แสดงเขาสามารถถ่ายทอดภาษากายและอารมณ์ผ่านแก้วตาคู่นั้นได้อย่างยอดเยี่ยม และในเวลานั้นเอง เหมือนเป็นเวลาเดียวที่คนรอบข้างรู้สึกว่าไป๋อวี่คนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่
ครอบครัวของไป๋อวี่แม้จะเจ็บปวดที่เห็นลูกชายเปลี่ยนไป แต่เรื่องของหัวใจไม่มีใครบังคับกะเกณฑ์อะไรได้ สิ่งที่เขาต้องเจอมันหนักหนาและโหดร้ายเกินกว่าที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะรับไหว ทุกคนรู้ดีว่าไป๋อวี่เป็นคนแข็งนอกอ่อนในเหมือนที่ใครบางคนเคยพูดเอาไว้ เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเปลี่ยนแปลงเจ้าตัวไปโดยสิ้นเชิง แม้เขาจะยังทำตัวปกติกับครอบครัว แต่พวกเขารู้ ว่าในแววตาคู่นั้นไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆอยู่อีกแล้ว
ไป๋อวี่คนนี้เกือบจะเหมือนตุ๊กตา ตุ๊กตาที่ไร้ซึ่งชีวิต ไร้ความรู้สึกใดๆ
ถ้าจะโทษหาว่าต้นเหตุที่เรื่องราวมันกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ยังไง
คงได้แต่โทษลิขิตของฟากฟ้าที่ทำให้เรื่องราวต้องจบลงแบบนี้
-----------------------------------------------
หญิงสาวร่างสงสะโอดสะองแต่งตัวมิดชิดคนหนึ่งกำลังยืนเบียดเสียดอยู่ท่ามกลางฝูงคนปริมาณมาก ถ้าถามว่าทำไมคนที่อาศัยอยู่บ้านนอกอย่างสงบไม่ชอบผู้คนเยอะแยะอย่างเธอมายืนอยู่ที่นี่ทำไม
"นั่นไง ไป๋อวี่ เขามาแล้ว"
เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้นและตามติดมาอีกเป็นร้อยดังประสานพร้อมกันอย่างที่เธอเงี่ยหูให้ตายก็คงจะฟังไม่ได้ศัพท์ ความหมายตรงตัวของมันคือเหตุผลที่ทำให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้ ท่ามกลางแฟนคลับจำนวนมากที่ยืนแออัดเบียดเสียดเป็นปลากระป๋องตรงนี้
ไม่ใช่เพราะเขา เธอไม่ได้มาตามดูนักแสดงมากฝีมือคนนี้ เขาเก่งกาจในสิ่งที่เขารักที่จะทำมัน และเธอก็นับถือในการแสดงที่เธอเคยเห็นผ่านจอโทรทัศน์และหนังโรงมาหลายๆเรื่อง มันมีเสนห์และดึงดูดให้ผู้คนที่รับชมอินไปตามเนื้อเรื่องได้สุดทางเสมอ การวางตัวของเขาไม่ได้เป็นที่ขัดใจของสังคม ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มีอคติใดๆจากข่าวฉาวที่เธอไม่เคยได้ยิน มีเพียงข่าวใหญ่ในช่วงเปลี่ยนแปลงของชีวิตเขาเท่านั้นที่ดึงดูดความสนใจของเธอ
และมันคือเหตุผลที่ทำให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้
เขาเป็นนักแสดงเบอร์ต้นๆของวงการมายาแผ่นดินใหญ่ เพราะฉะนั้นการที่จะได้เห็นเขาออกงานตัวเป็นๆนั้นมีไม่เยอะมาก ถ้าเธอต้องการพิสูจน์ข้อสงสัยของเธอ ก็จำเป็นที่จะต้องพาตัวเองมาที่งานอีเว้นท์ที่มีผู้คนมหาศาลรอบทิศทางครั้งนี้เท่านั้น
ร่างสูงสง่ากลางทางเดินพรมแดงนั้นเด่นชัดท่ามกลางผู้คนสองฟากทางซึ่งถูกกั้นเอาไว้ด้วยรั้วเหล็กแน่นหนา แม้จะอยู่ไกลจากด้านหน้าที่จะเห็นร่างนั้นชัดๆ แต่ระยะสายตาเพียงแค่นี้ก็เพียงพอให้เธอยืนยันสิ่งที่เธอสงสัยมาตลอดสามอาทิตย์
มีร่างโปร่งแสงจางๆอยู่ข้างๆนักแสดงคนนี้จริงๆ
ภาพตรงหน้ายืนยันว่าสิ่งที่เธอเห็นในข่าวสัมภาษณ์บนจอทีวีวันนั้นไม่ใช่เพียงภาพหลอนเพียงชั่วเสี้ยววินาที ร่างนั้นปรากฎขึ้นเพียงครู่เดียวพร้อมกับคำพูดสุดท้ายของนักแสดงชายไป๋อวี่ก่อนจะจบการสัมภาษณ์โดยสิ้นเชิง เธอที่เห็นวิญญาณและพลังงานลี้ลับจนชินตาไม่ได้ติดใจอะไรกับการที่ร่างนี้อยู่เคียงข้างนักแสดงคนนี้ ถึงใบหน้าใสกระจ่างนั่นจะหล่อเหลาราวกับเทพบุตรแต่ก็ไม่ได้ติดตาของเธอมากเท่ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา
นัยน์ตาโศกเศร้าราวกับกำลังจะขาดใจตายลงครั้งแล้วครั้งเล่านั่นต่างหาก
สิ่งนั้นต่างหากที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเธอ มันทำให้น้ำตาของเธอไหลรินออกมาโดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
เธอพยายามหาข่าวและข้อมูลในอินเตอร์เน็ต และได้พบข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งในชั่วชีวิตของนักแสดงคนนี้ ใบหน้ายิ้มแย้มมีเสน่ห์ของชายที่ด่วนจากไปอย่างโหดร้ายในข่าวนั้นเหมือนกันกับใบหน้าของร่างโปร่งแสงราวกับพิมพ์เดียวกัน ความไม่กระจ่างชัดของเหตุการณ์ทำให้เธอต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมมากมาย แต่แม้สุดท้ายเธอจะพอเข้าใจเหตุผลและเหตุการณ์ต่างๆคร่าวๆที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ
ทำไมนัยน์ตาคู่นั้นถึงยังโศกเศร้าขนาดนั้น คนที่เขารักและห่วงใยก็ก้าวขึ้นมาถึงจุดสูงสุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้แล้วไม่ใช่หรือ
เขาน่าจะหมดห่วง และจากไปอย่างสงบ
ทำไมเขาถึงยังคงอยู่ข้างๆนักแสดงคนนั้น
ดังนั้นเธอจึงมาหาคำตอบที่นี่
ร่างนั้นล่องลอยตามร่างสูงของนักแสดงไป๋อวี่อย่างเชื่องช้า ใบหน้าของเขาใสสะอาดและหล่อเหลาไม่ผิดจากที่เธอเห็นวันนั้น และนัยน์ตาโศกคู่นั้นก็ไม่ได้ผิดไปจากความทรงจำของเธอและเมื่อเธอได้เห็นมันตรงๆโดยไม่ผ่านเลนส์กล้อง เธอรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบรัดจนเจ็บปวดมากกว่าครั้งแรกที่เธอเห็นมัน
เขากำลังพูดอะไร ริมฝีปากของเขากำลังขยับ
เพียงแค่ระยะทางไม่ได้เป็นปัญหาใดๆสำหรับคนที่มองเห็นสิ่งเหล่านี้จนชินตา แต่การตั้งสมาธิท่ามกลางสภาพที่วุ่นวายจนเกือบโกลาหลแบบนี้ต่างหากที่เป็นปัญหาสำหรับเธอ หญิงสาวถอยหลังออกมาจากฝูงชนเล็กน้อย เมื่อได้ตำแหน่งยืนที่มองเห็นทุกอย่างชัดและเงียบสงบเพียงพอ เธอหลับตาตั้งสมาธิอย่างรวดเร็ว แล้วเงี่ยหูฟังคำพูดที่ไม่มีใครที่มีโอกาสได้ยินมันอีก
(เกอขอโทษ เกอขอโทษ เสี่ยวไป๋.......เสี่ยวไป๋ต้องทำแบบนี้......เพราะเกอเอง)
(นายต้องเปลี่ยนไปแบบนี้.......เพราะเกอคนเดียว ทั้งๆที่...ที่นี่.....ควรจะเป็นที่ที่นายเดินอย่างมีความสุขสิ)
คำพูดนั้นวกวนจนเธอปะติดปะต่อเนื้อความไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แต่น้ำเสียงแสนเศร้าราวกับหัวใจแตกสลายนั้นแทบจะทำให้สมาธิของเธอหลุดไปชั่วครู่ น้ำตาของเธอเกือบจะไหลรินออกมา คราวนี้เป็นความรู้สึกที่เธอได้สัมผัสมันโดยตรงจากร่างโปร่งใสของชายคนนั้น
คุณขอโทษเพราะอะไรกัน เพราะเขาไม่มีความสุข?
(เกอไม่ได้อยากให้นายกลายเป็นแบบนี้ เกอไม่อยากทำร้ายนายแบบนี้ เกอขอโทษ เกอขอโทษที่เอาทุกอย่างไปจากนาย เกอขอโทษที่เอาความสุขของนายไป)
"คุณเป็นคนเอาความสุขของเขาไป? แต่คุณเป็นคนที่ตายจากไปไม่ใช่เหรอ คุณจะเอามันไปได้ยังไง เสี่ยวไป๋ของคุณทำใจไม่ได้เหรอ" เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ในสมาธิที่เธอกำลังเชื่อมต่อกับอีกฝ่ายแบบนี้ ทำให้จูอี้หลงที่ล่องลอยอย่างไร้จุดหมายหันมาหาต้นเสียงกำลังถามคำถามจากคำรำพันของเขาเองอย่างประหลาดใจ
(คุณได้ยินที่ผมพูด คุณเห็นผมเหรอครับ)
จูอี้หลงเอ่ยรัวเร็วอย่างตื่นตะลึง หญิงสาวพยักหน้ารับช้าๆพลางตั้งสติอีกครั้ง อารมณ์ที่ปั่นป่วนจะทำให้เธอหลุดจากสมาธิ และมันอาจจะทำลายโอกาสเดียวที่เธอจะได้ยินคำตอบของเขา รวมทั้งโอกาสเดียวที่เขาจะร้องขอบางสิ่งที่ติดค้างหัวใจของเขาเช่นกัน
"ทำไมคุณถึงขอโทษเขา คุณคิดว่าเขาไม่มีความสุขเหรอคะ"
ทันทีที่เขาได้ยินคำตอบด้วยคำถามกลับ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและขมขื่นอย่างที่เธอไม่นึกว่ามันจะสามารถบีบรัดหัวใจของเธอมากไปกว่าวันที่เธอเห็นมันครั้งแรกได้อีก แต่ดวงตาของร่างโปร่งใสที่เอ่อไปด้วยน้ำตาคู่นั้นทำให้เธอรู้ว่าตัวเองคิดผิดไปถนัด
คนเราจะสามารถเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้โดยที่วิญญาณไม่แตกสลายไปก่อนได้ด้วยอย่างนั้นหรือ
(เขาเปลี่ยนไป การที่ผมตายจากเขาไปกะทันหัน ทำให้เขาคิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขา เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนทำให้ผมตาย)
น้ำเสียงของเขาแจ่มชัด ทว่าอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงจนน่าสงสาร เวลาผ่านมาหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นก็นานหลายปีมากแล้ว แต่การที่จูอี้หลงคนนี้ยังคงอยู่เคียงข้างไป๋อวี่ คอยพร่ำขอโทษซ้ำๆทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางจะได้ยิน และไม่มีวันที่จะได้ยิน เขาคนนี้รู้สึกผิดที่การตายของเขาทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน รู้สึกผิดกับการที่อีกฝ่ายต้องทนทุกข์ทรมานเพราะตัวเขา
ลิขิตฟ้าของคนทั้งคู่โหดร้ายเกินไปไหม
การตายของจูอี้หลงถูกระบุชัดว่าเป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้า รถบรรทุกขนาดเล็กที่พรากเอาทุกอย่างของเขาไปนั่นพุ่งตัดไฟแดงออกมาด้วยความเร็วสูงและชนเข้ากับร่างของเขาที่วิ่งข้ามทางม้าลายมาผลักชายชราคนหนึ่งที่ยังก้าวไม่พ้นขอบถนน แรงปะทะมหาศาลทำให้จูอี้หลงเสียชีวิตทันทีที่ร่างของเขาลอยตกกระทบพื้น เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เขาหลบไม่พ้นเท่านั้นเอง
ส่วนข่าวไม่ดีที่ดังขึ้นมาหลังจากนั้น เป็นเพียงการใส่สีตีไข่ของสื่อบางสำนักที่พยายามสร้างข่าวเสียหายให้กับนักแสดงไป๋อวี่ที่กำลังใจสลายกับการจากไปของรุ่นพี่คนสนิทที่เขารักและนับถือ และการเอาคนตายมาลบหลู่ซ้ำๆกลายเป็นประเด็นร้อนที่กลบข่าวร้ายเหล่านั้นจนหมดสิ้น จากที่เธอหาข้อมูล ข่าวที่ถูกกลบอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของหลายๆกลุ่มก้อนที่พยายามปกป้องชื่อเสียงของนักแสดงไป๋อวี่ และศักดิ์ศรีสุดท้ายที่เหลืออยู่ของชายผู้ไม่มีสิทธิแม้กระทั่งจะอธิบายใดๆอย่างร่างโปร่งแสงตรงหน้าของเธอ
แม้จะไม่ได้เป็นคนลั่นไก แต่ไป๋อวี่คนนั้นก็เป็นอีกคนที่ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้
ข้อสรุปสั้นๆที่ทำให้หัวใจเธอหนักอึ้ง ความรู้สึกของผู้ชายสองคนนี้ผูกพันกันไว้อย่างลึกซึ้ง เรียบง่าย แต่ทว่าซับซ้อนและยุ่งเหยิงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
รัก
แค่คำๆเดียว ความรู้สึกที่เป็นเหมือนกับปริศนาที่ไม่สามารถหาคำนิยาม ผูกความรู้สึกของทั้งสองเอาไว้ โชคชะตาที่ไร้ซึ่งความปราณีกำลังคร่าวิญญาณของทั้งสองคนอย่างช้าๆและทรมาน
ราวกับความรักที่ต้องสาป
ไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูกสาป คือพวกเขาที่รักกัน หรือโลกใบนี้ที่ไม่ยอมให้พวกเขาได้รักกัน
ทำไมท่านถึงโหดร้ายกับพวกเขาขนาดนี้
"คุณอยากให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ" เธอเอ่ยถาม ใบหน้าของเธอเห่อร้อนด้วยแรงอารมณ์ที่สัมผัสและรับรู้จากเรื่องตรงหน้า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่น้ำใสๆไหลรินลงจากหางตาของเธอ แต่หญิงสาวไม่สนใจที่จะเช็ดมัน
เธอเพียงแค่ร้องไห้ตอนนี้ แต่ร่างตรงหน้าเธอล่ะ เขาร้องไห้มานานเท่าไหร่แล้ว
แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อร่างโปร่งใสส่ายหน้าช้าๆด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย รอยยิ้มจางๆทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอทำให้เธอทนมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์สงบได้ยากเหลือเกิน
(ทุกครั้งที่มีคนพยายามจะช่วยผม จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับคนๆนั้น รวมถึงเสี่ยวไป๋)
(ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่เห็นผม ขอบคุณที่ฟังผม)
(ขอโทษที่ทำให้คุณร้องไห้)
อารมณ์ที่ไม่อาจสงบนิ่งได้อีกต่อไปของเธอทำให้ภาพตรงหน้าดับวูบ ร่างสะโอดสะองทรุดลงนั่งกับพื้นพร้อมน้ำตาและเสียงสะอื้นฮัก เธอพยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจายแต่ไม่สามารถทำได้ในสภาพที่หัวใจเจ็บปวดไปกับเรื่องที่เพิ่งพบเจอตรงหน้า คำขอบคุณของเขาช่างแสนเศร้าและโหดร้ายกับตัวเขาเองเหลือเกิน
และภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนร่างสูงสง่าของนักแสดงไป๋อวี่จะเดินจากไปจากระยะสายตา
จูอี้หลงคนนั้นกำลังโอบกอดร่างของชายที่เขารัก น้ำตารินไหลจากนัยน์ตาคู่โศกนั่นช้าๆ
แว่วเสียงรำพันบางเบาเกือบขาดหาย
(เกอรักนาย)
----------------------------------------------
//จบไปอีกเรื่อง หันกลับไปมองแล้ว ทำไมมันถึงลากมายาวขนาดนี้เนี่ย โอ้ยยยยย
//เขียนเร็วกว่าฟิกยินนะคะ เพราะมันไม่ได้มีฉากหวาน มีแต่ฉากถนัดที่ทำลายล้างตับไตใส้พุง เขียนลื่นมาก มากจนคิดว่าตัวเองอาจเป็นโรคจิตรึเปล่า 555555
//ตัวพรุนแล้วค่ะ ช้ำแล้วอย่าตีเค้า ง่า จั่วไว้แล้วว่าแบดเอนด์อ่า อย่าเกลียดเค้าาาาาาาา งือเค้าขอโทดดดดด
//เข้าเรื่องๆ ทำไมต้องเขียนออกมาอีกจบ ก็อย่างที่เกริ่นว่าดันเห็นคอมเมนต์คุณยูที่เป็นเจ้าของพล็อตว่าจะไม่ให้ลากัน เราก็เลยเอามาต่ออย่างที่อยากรู้ว่า ตัวเองจะสามารถเขียนให้มันเศร้าได้ขนาดไหน มันคือพล๊อตที่เราถนัด แต่เพราะอันที่แล้วก็ตั้งใจว่าจะให้เศร้า ดันรู้สึกว่าไม่เศร้าเท่าไหร่ เพราะเกอก็ยังอ่อนโยนกับน้องไม่เปลี่ยน มันออกมาอารมณ์เศร้าแบบหวานอมขมซะมากกว่า คราวนี้เลยขึ้นหัวมาว่า แบดเอนด์ เศร้าสุดทางเท่าที่จะทำได้ ระหว่างเขียนก็ต้องนั่งย้ำกับตัวเองว่าจะเอาแบบนี้ อย่าเขียนเพลินจนพล็อตบิด แล้วก็ออกมาอย่างที่อ่านกัน คือทำสนองความอยากรู้ตัวเองล้วนๆเลยค่ะ
//ตอนเขียนก็ทิชชู่เป็นกองอ่ะค่ะ น้ำตานี่ไหลพราก (เราอินง่าย) ยิ่งเวลาเขียนคือต้องบิ้วท์ บิ้วท์มากๆก็พรากหนัก จนมีอยู่ช่วงต้องหยุดเขียนแล้วไปนั่งร้องเพลงเหมียวเหมียวปรับอารมณ์ คือร้องไม่หยุด อินเกินเบอร์มาก 555555 เพลงประกอบมีผลมากนะคะ ช่วงที่เป็นบทที่ต้องร้องไห้หนักๆนี่คือต้องเลือกเพลงที่จะฟังระหว่างเขียน โดยเฉพาะฉากที่กอดร่างเกอนี่คือคิดนานมาก ลบอยู่หลายที จนเจอเพลงนึงในกรุ๊ปแล้วก็ไหลยาวเลยทีนี้ ปกติเราจะชอบฟังคลอกับเพลงดนตรีหนักๆ แต่เพลงนี้อคูสติกฟังสบายซะอย่างนั้น แต่เราฟังให้มันเศร้ามากจนร้องไห้ไปเขียนไป 5555 (สภาพตอนนั้นเหมือนอีบ้ามาก)
//ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านแม้จะเตือนเอาไว้แล้ว ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ ทำให้รู้สึกหน่วงเสียใจนะคะ แต่เราอยากเขียนพล็อตนี้จริงๆ ถือว่าอ่านเรื่องราวความรักที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายนะคะ ก็ต้องขอบคุณที่อุตส่าห์เข้ามาอ่านกัน ขอบคุณมากเลยค่ะ แค่นี้คนเขียนก็มีความสุขแล้วน้าาา ขอบคุณมากเลย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น